อัปเดตเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2023
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2021

หนึ่งในภูมิภาคที่ฉันชื่นชอบคือโทโฮคุ (東国地方 Tōhoku-chihō) และกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ฉันคิดแผนการเดินทางทั้งหมดเกี่ยวกับสถานที่ที่ฉันอยากไปในภูมิภาคนี้ หากฉันมี JR EAST PASS (Tohoku area)

การท่องเที่ยวโทโฮคุในอุดมคติของฉันจะประกอบไปด้วยทุกอย่างอย่างละเล็กละน้อย เพื่อจะรู้สึกว่ามันสมบูรณ์ ถ้าเป็นกรีนซีซั่น การท่องเที่ยวของฉันจะประกอบไปด้วยหลากหลายรูปแบบข้างล่างนี้

  • เที่ยวไปในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง เช่น สามวิวสวยที่สุดของญี่ปุ่น และมรดกโลกตามประกาศยูเนสโก
  • ไปดูวิวธรรมชาติอันน่าตื่นตา เช่น วิวทะเลและธรรมชาติที่เต็มไปด้วยสีเขียวของต้นไม้
  • ร่วมกิจกรรมที่มีการขยับร่างกาย เช่น สำรวจสถานที่ใหม่ๆด้วยเท้าและการเดินเขา
  • พักในเมืองออนเซ็นและสนุกไปกับการแช่ออนเซ็น
  • ท่องเที่ยวด้วยรถไฟ!

ข้อสุดท้ายเป็นข้อสำคัญสำหรับฉัน ฉันต้องการการเที่ยวเที่ยวผจญภัยของฉันเป็นประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกและการท่องเที่ยวด้วยรถไฟเป็นวิธีการที่ดีที่สุดที่จะทำให้ฉันบรรลุเป้าหมายนั้น มันไม่ใช่เป็นเพียงแค่การเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง แต่มันคือการสนุกไปในตัวการเดินทางเอง ฉันสามารถสนุกไปกับการมองวิวทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆจากที่นั่งอันแสนสบายของฉันในขณะที่รถไฟกำลังพาฉันไปยังจุดหมาย การมองวิวทิวทัศน์ที่ค่อยๆปรากฏออกมาทำให้ค่อยๆสร้างความคาดหวังและความตื่นเต้นของการท่องเที่ยว ดังนั้นการเดินทางด้วยรถไฟเป็นเพียงหนทางที่ต้องไปของฉัน

บทความนี้เกี่ยวกับการท่องเที่ยวโทโฮคุในอุดมคติของฉัน ยิ่งไปกว่านั้นสถานที่ที่ฉันไปในภูมิภาคโทโฮคุนั้นขึ้นอยู่กัยว่าฉันมีตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) มันเป็นระยะเวลานานทีเดียวตั้งแต่ฉันใช้ตั๋วพาสนี้ก่อนหน้านี้และฉันอยากจะใช้ตั๋วนี้อีกครั้งหากมีโอกาสอีก และก็ได้เวลาสำหรับพวกเราแล้วที่จะสำรวจว่าโทโฮคุมีอะไรบ้างโดยเฉพาะกรีนซีซั่น และมาดูว่าฉันจะทำอย่างไรถึงจะใช้ตั๋ว 5 วันติดต่อกันอย่างคุ้มค่า

 

วันที่ 1 : โตเกียว → มิยางิ


โทโฮคุชินคันเซนรุ่น E5 | ©JR East / Shinoda

การเดินทางของฉันเริ่มจากกรุงโตเกียวที่ซึ่งสามารถนั่งโทโฮคุชินคันเซนจากสถานีรถไฟ JR Tokyo ซึ่งสถานีนี้เป็นจุดเริ่มต้นของรถไฟหัวกระสุนชินคันเซนหลายสายที่ให้บริการวิ่งไปทั่วประเทศ และสำหรับผู้ถือตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) แล้วจะเริ่มการเดินทางที่สถานนี้ ยังไม่พูดถึงว่าด้วยตั๋วพาสนี้ฉันจะเริ่มการเดินทางด้วยชินคันเซนรุ่น E5 รถไฟหัวกระสุนที่ฉันชอบในบรรดาชินคันเซนทั้งหมดทั่วญี่ปุ่น


สถานีเซนได | ©Sendai Tourism, Convention and International Association

จุดหมายแรกของการเดินทางด้วยรถไฟนี้คือ สถานีเซนได สถานีรถไฟหลักของเมืองเซนไดในจังหวัดมิยางิและเป็นประตูหลักสู่ภูมิภาคโทโฮคุ จากสถานีเซนไดฉันเดินทางไปต่อยังจุดหมายแรกของการเดินทางนี้ สถานที่ที่ซึ่งฉันตั้งใจจะไปเยือนมาตั้งนานมากแล้ว นั่นก็คือ อ่าวมัทสึชิมะ

 

①อ่าวมัทสึชิมะ


อ่าวมัทสึชิมะ | ©JNTO

เพียงแค่ 40 นาทีโดยรถไฟจากเซนไดก็จะถึงอ่าวมัทสึชิมะอันงดงาม หนึ่งในสามของวิวที่สวยที่สุดของญี่ปุ่นและหนึ่งเดียวในโทโฮคุ หนึ่งในไฮไลต์ของนักท่องเที่ยวเกือบทุกคนที่ท่องเที่ยวไปในมิยางิและโทโฮคุ แน่นอนที่นี้เป็นจุดหมายแรกของรายการที่ฉันต้องไปให้ได้ก่อนตายและเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ฉันให้ความสำคัญสูง

มัทสึชิมะคือกลุ่มของเกาะเล็กเกาะน้อยที่ปกคลุมไปด้วยต้นสน แปลได้ว่า ‘เกาะต้นสน’ และไม่ต้องพูดก็เป็นที่ทราบกันดีว่าวิวทิวทัศนที่นี่ต้องงดงามเยี่ยมยอดอย่างแน่นอน ลองนึกภาพถึงปีนเขาขึ้นไปจุดสูงที่จะเห็นวิวพาโนรามาของเกาะเขียวขจีบนทะเลสีฟ้าเหมือนท้องฟ้าในวันฟ้าใส ถ้าจะให้ดีนักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสบรรยากาศที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของวัน นักท่องเที่ยวสามารถมาที่นี่ช่วงกลางวันซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สามารถชมวิวมหัศจรรย์อย่างชัดเจนตลอดทั้งพื้นที่และสีสันตัดกันอย่างสมบูรณ์แบบ หรือมาในเวลาพระอาทิตย์ตกดินซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ท้องฟ้ากลายเป็นสีแดงเข้มราวกับเปลวเพลิงลุกไหม้และพื้นที่ทั้งหมดปกคลุมไปด้วยความมืด


มัทสึชิมะในช่วงกลางวันและช่วงพระอาทิตย์ตก | ©photoAC

เวลาที่ฉันเดินทางไปจุดหมายใหม่ๆ ฉันต้องการเก็บบันทึกความทรงจำเกี่ยวกับวิวทิวทัศน์นั้นที่ฉันไม่สามารถนำสถานที่นั้นกลับบ้านได้และมัทสึชิมะเหมาะสมกับสิ่งที่ฉันต้องการอย่างแน่นอน ความสวยงามที่แท้จริงของมัทสึชิมะเพียงพอที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกรวมทั้งฉันด้วย และที่นี่เหมาะสำหรับเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยท่องเที่ยวไปด้วยรถไฟของฉันอย่างสมบูรณ์แบบ


สำรวจถ้ำบนโอชิมะ | ©photoAC

คุณทราบไหมว่าอะไรคือสิ่งที่ฉันตั้งตาคอยเสมอสำหรับทุกการท่องเที่ยว สำรวจสถานที่ด้วยเท้า โดยส่วนตัวแล้วฉันเชื่อว่าวิธีที่ดีที่สุดในการค้นพบสถานที่ใหม่ๆคือการเดิน และนักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมเยือน โกะไดโด ฟุคุอุระจิมะ โอชิมะ สามเกาะได้ง่ายโดยการเดินจากแผ่นดินใหญ่ซึ่งมีสะพานเดินเท้าสีแดงเชื่อม ไม่เพียงแต่ฉันสามารถเพลิดเพลินกับวิวอันสวยงามมากของมัทสึชิมะ ฉันก็ยังสามารถเพลิดเพลินกับวัดที่มีประวัติศาสตร์บนเกาะโกะไดโด และเดินข้ามสะพานสีแดงอันมีชื่อเสียงไปยังฟุคุอุระจิมะ และสำรวจถ้ำต่างๆบนโอชิมะ


สะพานฟุคุอุระที่เชื่อมต่อไปยังเกาะฟุคุอุระจิมะ | ©photoAC

ฉันจะจบทริปมัทสึชิมะอย่างไร? ด้วยเรือท่องเที่ยวที่ทำให้สดชื่น แน่นอนฉันเคยนั่งเรือท่องเที่ยวหลายครั้งแล้วในประเทศญี่ปุ่นและเสมอมาฉันชอบความรู้สึกของสายลมประทะใบหน้าเวลาที่เรือแล่นไปบนผิวน้ำ การเดินทางล่องไปยังเกาะเล็กเกาะน้อยของมัทสึชิมะเป็นวิธีเดียวที่จะสรุปทริปของฉันก่อนที่จะกลับไปยังเซนได


เรือท่องเที่ยวที่มัทสึชิมะ | ©JR East / Carissa Loh

 

การเดินทางไปยังอ่าวมัตสึชิมะ

นักท่องเที่ยวที่มาจากเซ็นไดสามารถขึ้นรถไฟสาย JR Senseki (JR仙石線 Senseki-sen) จากสถานี JR Sendai ไปยังสถานี JR Matsushimakaigan (JR松島海岸駅 Matsushimakaigan-eki) อ่าวมัตสึชิมะอยู่ห่างจากสถานีเพียงไม่กี่ก้าว

 

วันที่ 2: อิวาเทะ

สำหรับช่วงต่อไปของการท่องเที่ยวด้วยรถไฟในเขตโทโฮคุนั้น ฉันจินตนาการตัวฉันเองกำลังมุ่งขึ้นเหนือไปยังอิวาเทะ จังหวัดที่ใหญ่เป็นอันดับสองของญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์วัฒนธรรมและความงามอย่างไม่มีใครเทียบเท่าของป่าไม้สีเขียวอันบริสุทธิ์ธรรมชาติแท้ๆ เพราะว่าอิวาเทะเป็นที่ตั้งของหนึ่งในขุมสมบัติที่คนปรารถนามากที่สุดของประเทศ และเป็นสถานที่ในรายการที่ฉันต้องการจะไปมาอย่างยาวนานมาก

 

ฮิไรซุมิ


ศาลาคงจิกิโดที่ฮิไรซุมิ | ©photoAC

ฮิไรซุมิคือเมืองประวัติศาสตร์ที่เป็นที่ตั้งของอนุสรณ์สถานและแหล่งประวัติศาสตร์ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดอิวาเทะ ประกอบไปด้วยวัดมากมายที่แสดงถึงอิทธิพลของศาสนาพุทธและระบบศักดินาของภูมิภาคในสมัยก่อน ภายในเมืองท่านสามารถพบกับส่วนหนึ่งของวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศอันได้แก่ วัดชูซนจิและวัดโมทสึจิ


วัดโมทสึจิ | ©岩手県観光協会

วัดชูซนจิสร้างขึ้นช่วงต้นศตวรรษที่ 9 เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของฮิไรซุมิ และเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะที่ตั้งของศาลาคงจิกิโด และเช่นเดียวกับคินคะคุจิที่มีชื่อเสียง (วัดทอง) ในเกียวโต ศาลาคงจิกิโดถูกปิดไปด้วยแผ่นทองคำ

วัดโมทสึจิเป็นอีกหนึ่งวัดสำคัญของฮิไรซุมิคู่ไปกับวัดชูซนจิและถูกจดทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี 2011 วัดนี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และเป็นที่ตั้งของโจวโด (ดินแดนอันบริสุทฺธิ์ของศาสนาพุทธ)ที่สวยงามราวกับภาพวาดและผู้มาเยือนสามารถชื่นชมไปกับความเงียบสงบ


สวนบริเวณรอบวัดโมทสึจิในฤดูใบไม้สีเขียว | ©岩手県観光協会

ในขณะที่ช่วงแรกของทริปประกอบไปด้วยธรรมชาติและวิวทะเล ช่วงที่สองเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อันยาวนานและวัฒนธรรมของโทโฮคุที่ซึ่งฉันไม่สามารถนึกถึงที่อื่นใดที่ดีกว่าฮิไรซุมิได้ ไม่เพียงแต่ฉันจะสามารถศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของภูมิภาคได้เพิ่มขึ้น แต่ฉันยังได้พักผ่อนและชื่นชมไปกับธรรมชาติสีเขียวที่เงียบสงบก่อนที่จะผจญภัยไปในช่วงต่อไป

วัดชูซอนจิ (中尊寺)
ที่อยู่: Koromonoseki-202 Hiraizumi, Nishiiwai-gun, Iwate 029-4102
การเดินทาง: นั่งรถบัส 20 นาทีจากสถานี JR Ichinoseki (JR一ノ関駅) หรือนั่งรถบัส 5 นาทีจากสถานี JR Hiraizumi (JR平泉駅)

วัดโมซึจิ (毛越寺)
ที่อยู่: Osawa-58, Hiraizumi, Nishiiwai-gun, Iwate 029-402
การเดินทาง: เดิน 20 นาทีจากวัด Chusonji หรือเดิน 10 นาทีจากสถานี JR Hiraizumi

 

หุบเขาเกบิเค


หุบเขาเกบิเคในฤดูสีเขียว | ©Nguyen Duy Khanh

สำหรับช่วงต่อไปของวันที่ 2 ฉันเดินทางไปยังหุบเขาเกบิเคหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่สุดของอิวาเทะนอกจากฮิไรซุมิ หนึ่งในร้อยภูมิทัศน์งดงามของญี่ปุ่นและยังเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่พลาดไม่ได้ในการเที่ยวไปในโทโฮคุ


การขว้างหินโชคดีที่หุบเขาเกบิเค | ©Nguyen Duy Khanh

โปรดจินตนาการถึงการล่องเรือสบายๆบนแม่น้ำสงบนิ่งในหุบเขา จ้องมองไปยังผาหินปูนที่โอ่อ่าที่ล้อมรอบตัวเราและประกอบไปด้วยเสียงเพลงฉากหลังร้องโดยคนพายเรือ ฟังดูเหมือนเป็นประสบการณ์ที่ฉันจะไม่พลาด ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสิ่งสนุกๆที่สุดทางแม่น้ำ นั่นก็คือการขว้างหินโชคดี (อุนดะมะ) ให้เข้าไปในหลุมที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำ ฟังดูแล้วเป็นสิ่งท้าทายที่สนุกและมีค่าที่จะลองดู!

(หมายเหตุ: ถ้าคุณมาเยือนหุบเขานี้ด้วยตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) ในวันเสาร์อาทิตย์ คุณสามารถนั่งรถไฟ POKÉMON with YOU Train ได้ฟรี! อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่าจำเป็นต้องจองที่นั่งก่อนขึ้นรถไฟ)

ช่องเขาเกบิเค (猊鼻渓)
ที่อยู่: Machi-467 Higashiyamacho Nagasaka, Ichinoseki, Iwate 029-0302
การเดินทาง: เดิน 5 นาทีจากสถานี JR Geibikei

 

วันที่ 3 : อาโอโมริ

สำหรับวันที่ 3 ของทริป ฉันมุ่งหน้าไปสู่จังหวัดที่อยู่เหนือสุดของโทโฮคุนั่นก็คือจังหวัดอาโอโมริซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องความงามทางธรรมชาติอันบริสุทธิตลอดทั้งปีและผลไม้ (แอปเปิ้ลนั่นเอง ซึ่งอาโอโมริเป็นจังหวัดที่ผลิตแอปเปิ้ลได้มากอันดับต้นๆของญี่ปุ่น) เมื่อพูดถึงวิวทิวทัศน์ธรรมชาติอาโอโมริเป็นที่ตั้งของหลายสถานที่ที่มีวิวธรรมชาติดีที่สุดของญี่ปุ่น

 

ทะเลสาบโทวะดะ/ลำธารโออิระเสะ


ทะเลสาบโทวะดะ (ซ้าย) และลำธารโออิระเสะ (ขวา) | ©จังหวัดอาโอโมริ / JNTO

ทะเลสาบโทวะดะมีพื้นที่ครอบคลุมจังหวัดอาโอโมริและจังหวัดอาคิตะ เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นในหมวดทะเลสาบที่เกิดจากภูเขาไฟและเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของอุทยานแห่งชาติโทวะดะ-ฮาจิมันไท ภูเขาไฟปะทุเมื่อประมาณ 2,000 ปีก่อนหน้านี้ก่อให้เกิดทะเลสาบที่ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 400 เมตร


ทะเลสาบโทวะดะยามพระอาทิตย์ตก | ©photoAC

ฉันมักจะเอาใจให้แก่ทะเลสาบภูเขาไฟของญี่ปุ่นเสมอๆ เพราะว่าทะเลสาบเหล่านั้นมีวิวธรรมชาติที่วิจิตรงดงามและไม่ว่าจะเป็นฤดูกาลไหนหรือช่วงเวลาใดก็ตามทะเลสาบเหล่านั้นก็ดูยิ่งใหญ่สง่างามเสมอๆ ทะเลสาบโทวะดะเป็นหนึ่งในทะเลสาบภูเขาไฟจำนวนมากที่อยู่ในรายการสถานที่ที่ฉันอยากไปก่อนตาย และฉันจินตนาการไว้ว่าตัวเองกำลังตกตะลึงกับวิวอันมหัศจรรย์เมื่อฉันมาเยือนอาโอโมริสักวันหนึ่ง ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาเยือนทะเลสาบโทวะดะคือช่วงเวลาที่ใบไม้เพิ่งผลิใบอ่อนในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนซึ่งใบไม้สีเขียวสดใสงอกงามออกมาหลังจบฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วงช่วงปลายเดือนตุลาคมเมื่อทะเลสาบถูกล้อมรอบไปด้วยใบไม้สีแดงเพลิง


เรือท่องเที่ยวบนทะเลสาบโทวะดะ | ©จังหวัดอาโอโมริ

ฉันไม่หยุดเพียงทะเลสาบโทวะดะเมื่อสำรวจสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของอาโอโมริ ลำธารที่ไหลออกจากทะเลสาบคือ ลำธารโออิระเสะ ลำธารอันแสนสมบูรณ์แบบนี้โด่งดังอย่างมหาศาลระหว่างนักปีนเขาและผู้รักธรรมชาติในช่วงกรีนซีซั่น และลำธารนี้ก็ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในอันดับต้นๆของโทโฮคุในเรื่องพาวเวอร์สปอตที่ซึ่งผู้คนมาสัมผัสธรรมชาติและรับมอบพลังธรรมชาติทำให้สดชื่นและมีพลังรักษาเยียวยา


ลำธารโออิระเสะในฤดูสีเขียว | ©JR East / Carissa Loh

ลำธารโออิระเสะมีน้ำตกที่สวยราวกับภาพวาดอย่างน้ำตกคุโมอิโนะทาคิและน้ำตกโจวชิโอทาคิ เสียงน้ำตกเป็นประสบการณ์บางอย่างที่ไม่ธรรมดาและฉันไม่สามารถสัมผัสเมื่อกลับไปบ้านแล้ว และเสียงน้ำตกนี้ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่คอยต้อนรับเมื่อมาเดินป่าตลอดทางเรียบลำธาร


น้ำตกคุโมอิโนะทาคิ (ซ้าย) และน้ำตกโจวชิโอทาคิ | ©JR East / Carissa Loh

ฤดูร้อนในญี่ปุ่นร้อนชื้นมากเป็นพิเศษ แต่อากาศจะเย็นกว่าและชื้นน้อยกว่าเมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาโทโฮคุในต้นและปลายฤดูร้อน ดังนั้นกิจกรรมกลางแจ้งเป็นประสบการณ์ที่น่าสนุกสนานอย่างยิ่ง การเข้าร่วมกิจกรรมกลางแจ้งจึงเป็นหนึ่งในหัวข้อหลักที่ฉันอยากใส่เข้าไปในแผนการเดินทางและฉันตั้งตาคอยที่จะทำแบบนั้นระหว่างกรีนซีซั่นของโทโฮคุ

ทะเลสาบโทวะดะและลำธารโออิระเสะเป็นบางส่วนของไฮไลต์ฤดูสีเขียวของโทโฮคุ ด้วยเหตุผลที่ว่ามีวิวทิวทัศน์อันงดงาม มีเส้นทางเดินป่าที่ค่อนข้างง่ายและมีเสียงประโลมจากป่าที่เงียบสงบและจากสายน้ำที่ไหลอย่างอ่อนโยน ดูเหมือนว่าจะเป็นการตัดสินใจที่ชัดเจนสำหรับฉันในการใส่สองสถานที่นี้เข้าไปในแผนการเดินทาง

การเดินทางไปยังทะเลสาบโทวาดะและโออิราเสะเคริว

นักท่องเที่ยวสามารถขึ้น Tohoku Shinkansen ไปยังสถานี JR Hachinohe (JR八戸駅 Hachinohe-eki) จากนั้นขึ้นรถบัส JR Tohoku ที่มุ่งหน้าไปยังทะเลสาบ Towada รถบัสจะผ่าน Oirase Keiryu ในเส้นทางด้วย และใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที รถบัส JR Tohoku ครอบคลุมโดย JR EAST PASS (พื้นที่โทโฮคุ) แต่โปรดทราบ: ให้บริการตามลำดับก่อนหลังและไม่สามารถจองได้ คุณสามารถตรวจสอบตารางเวลารถบัสได้ที่นี่

 

วันที่ 4: ยามะกะตะ

สำหรับวันที่ 4 ของทริป ฉันมุ่งหน้าไปทางใต้จากอาโอโมริสู่จังหวัดแห่งภูเขา ยามะกะตะ อีกหนึ่งสวรรค์ของธรรมชาติแห่งโทโฮคุ ทำไมถึงไปยามะกะตะ เพราะว่าที่นี่เป็นที่ตั้งของสถานที่สวยงามอีกที่ที่มีวิวอันน่าประทับใจ สถานที่ที่เป็นตัวอย่างแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของธรรมชาติและความเชื่อเรื่องจิตวิญญาณในญี่ปุ่น

 

ยามะเดระ


ยามะเดระ | ©จังหวัดยามะกะตะ

แปลตามตัวอักษรได้ว่า วัดภูเขา ยามะเดระคือวัดที่ตั้งอยู่ในภูเขาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของยามะกะตะ เป็นหนึ่งในสิ่งปลูกสร้างทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่สุดของโทโฮคุ เพราะว่าได้รับเลือกอย่างเป็นทางการให้เป็นโบราณสถานและเป็นสถานที่มีทัศนียภาพอันงดงาม นักท่องเที่ยวที่เที่ยวในยามะกะตะจะได้พบกับสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ เช่น รูปปั้นของมัทสึโอะ บะโช กวีชาวญี่ปุ่นที่มาเยือนที่นี่ในปี 1689 รูปปั้นพระหินเล็กๆ และอาคารโกะไดโดที่ซึ่งผู้คนสามารถเห็นวิวพาโนราม่าอันน่ามหัศจรรย์ของบริเวณรอบๆ


เดินขึ้นบันได 1,000 ขั้นเพื่อขึ้นสู่วัด | ©KrobkruengJapan

จำได้ไหมว่าฉันพูดว่าอยากออกกำลังบ้างใส่ในแผนการท่องเที่ยว และแน่นอนว่านี่เป็นสถานที่ที่จะได้ทำกิจกรรมออกกำลังกัน เนื่องด้วยวัดตั้งอยู่บนภูเขาสูง การไปที่วัดนักท่องเที่ยวต้องปีนบันไดขึ้นไป 1,000 ขั้น นี่เป็นความท้าทายที่ฉันไม่พลาดแน่นอน โดยเฉพาะเมื่อปีนได้สำเร็จแล้วจะได้รางวัลเป็นวิวพาโนราม่าของเมืองเบื้องล่างที่สวยจนทำให้คุณหยุดลืมหายใจ


วิวพาโนราม่าของเมืองเบื้องล่างมองจากวัดยามะเดระ | ©photoAC

ยามาเดระ (山寺)
ที่อยู่: 4456-1 ยามาเดระ ยามากาตะ 999-3301
การเดินทาง: เดิน 5 นาทีจากสถานี JR Yamadera

 

คามิโนะยามะออนเซ็น

หลังจากที่ปีนบันได 1,000 ขั้นถึงยามะเดระแล้ว ฉันคาดการณ์ได้ว่าฉันจะเหนื่อยหมดแรง ดังนั้นช่วงเวลาต่อไปของวัน ฉันอาจจะพักผ่อนและเพียงแค่สนุกไปกับการเดินเล่น แต่มันจะเป็นการดียิ่งขึ้นถ้าเป็นการเดินเล่นและการได้ไปออนเซ็นใกล้ๆ สถานที่ที่สามารถเพลิดเพลินได้ทั้งสองอย่างคือเมืองออนเซ็นที่ชื่อ คามิโนะยามะออนเซ็น


ออนเซ็นแช่เท้าในคามิโนะยามะออนเซ็น | ©จังหวัดยามะกะตะ

คามิโนะยามะเป็นเมืองออนเซ็นที่ตั้งอยู่เชิงภูเขาซาโอ้ เพียง 15 นาทีจากเมืองยามะกะตะโดยชินคันเซน และเป็นหนึ่งในเมืองออนเซ็นที่เป็นที่ชื่นชอบที่สุดในจังหวัดยามะกะตะ และออนเซ็นบางแห่งในเมืองมีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 15 นอกจากเรียวกังแล้วคามิโนะยามะยังมีออนเซ็นแช่เท้าและโรงอาบน้ำสาธารณะอยู่ทั่วไปในเมือง และใจกลางเมืองก็ยังมีเขตอนุรักษ์ซามูไรอีกด้วย


สถานีคามิโนะยามะออนเซ็น | ©Nguyen Duy Khanh

สำหรับช่วงนี้ของทริป ฉันต้องการเพียงแค่พักผ่อนและเพลิดเพลินไปกับออนเซ็น ออนเซ็นเป็นอะไรที่สามารถสนุกสำราญได้ตลอดปี แต่ว่าสำหรับฤดูร้อนแล้วออนเซ็นจะดีที่สุดเมื่อแช่หลังการเดินเขาระยะไกลและน้ำแร่ออนเซ็นมีผลรักษาอาการเมื่อยล้า ทำให้เป็นประสบการณ์ที่วิเศษ

บ่อแช่เท้าคามิโนะยามะ (上山足湯)
ที่อยู่: 3-7 Motojonai, Kaminoyama, Yamagata 999-3154
การเดินทาง: เดิน 5-10 นาทีจากสถานี JR Kaminoyamaonsen (かみのやま温泉駅)

 

วันที่ 5: ฟุคุชิมะ

ปกติแล้ววันสุดท้ายจะเป็นการเดินทางกลับไปยังจุดเริ่มต้น (ในกรณีนี้คือโตเกียว) ช่วงสุดท้ายจะเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะทำการจบทริปแต่สำหรับฉันแล้ว เนื่องจากตั๋วพาสนี้ให้คุณได้นั่งรถไฟเจอาร์ได้ไม่จำกัดในเขตโทโฮคุ ดังนั้นยังมีอีกสถานที่หนึ่งที่ฉันสามารถไปเยือนได้ก่อนสรุปจบการผจญภัยด้วยรถไฟของฉัน

 

โกะชิคินุมะ


โกะชิคินุมะ | ©จังหวัดฟุคุชิมะ

โกะชิคินุมะตั้งอยู่ในจังหวัดฟุคุชิมะ เป็นบึงสวยอย่างสมบูรณ์แบบที่เกิดจากภูเขาไฟเมื่อภูเขาบันไดระเบิดเมื่อหลายปีมาแล้ว ชื่อแปลตามตัวอักษรจะหมายความว่า ‘บึงห้าสี’ แต่ตรงข้ามกับชื่อ บึงมีจำนวนมากกว่า 5 บึง บึงหลักๆได้แก่ บิชะมงนุมะ เบ็นเท็นนุมะ อะคะนุมะ อะโอนุมะ มิโดะโระนุมะ


บึงต่างๆในโกะชิคินุมะ | ©photoAC

สิ่งที่ทำให้ฉันประทับใจก็คือบึงแต่ละบึงในโกะชิคินุมะมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว ยกตัวอย่างเช่น นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือและเพลิดเพลินไปกับการพายเรือที่บิชะมงนุมะซึ่งเป็นบึงที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่และถ้าท่านโชคดี คุณสามารถพบเห็นปลาคาร์ปจำนวนมากที่อาศัยอยู่ที่บึงนี้ สำหรับอะคะนุมะเนื่องจากน้ำมีแร่เหล็กอยู่เยอะจึงทำให้ต้นไม้รอบบริเวณมีสีค่อนข้างแดง และสำหรับอะโอนุมะมีน้ำเป็นสีเขียวอมฟ้าที่สดใส

โกะชิคินุมะเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบเดินทางเดินป่าหรือชอบวิวธรรมชาติอันบริสุทธิ สำหรับฉันแล้วที่นี่เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการเที่ยวท้ายสุดเพื่อสัมผัสหนึ่งในธรรมชาติดีที่สุดของโทโฮคุก่อนจบทริปด้วยการนั่งรถไฟกลับโตเกียว

หนามแหลมและ โกะชิคินุมะ

นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถบัสจากสถานี JR Inawashiro (猪苗代駅) ซึ่งอยู่บนสาย JR Ban-etsu West เพื่อไปยังพื้นที่ดังกล่าว สำหรับผู้ที่มาจากโตเกียวหรือเซนได สามารถขึ้น Tohoku Shinkansen ไปยังสถานี Koriyama (郡山駅) จากนั้นเปลี่ยนไปสาย Ban-etsu West เพื่อไปยังสถานี Inawashiro

  • เส้นทางศึกษาธรรมชาติ Goshiki-numa Ponds: จากสถานี JR Inawashiro นั่งรถบัส 31 นาที (790 เยนต่อผู้ใหญ่หนึ่งคน) ไปยังป้ายรถบัส Goshikinuma Iriguchi
  • ล่องเรือชมทะเลสาบฮิบาระ: จากสถานี JR Inawashiro นั่งรถบัส 37 นาที (ราคา 910 เยนต่อผู้ใหญ่หนึ่งคน) ไปยังป้ายรถประจำทาง Urabandai Kogen Eki (สถานี Urabandai Kogen)
  • เส้นทางศึกษาธรรมชาติทะเลสาบฮิบาระ: จากสถานี JR Inawashiro นั่งรถบัส 35 นาที (870 เยนต่อผู้ใหญ่หนึ่งคน) ไปยังป้ายรถบัส Nagamine Funatsuki

 

ฉันควรพักที่ไหนสำหรับทริปนี้?

สำหรับทริปที่มีลักษณะมีจุดหมายปลายทางหลากหลายจังหวัดในแต่ละวันนั้น นักท่องเที่ยวอาจจะนึกถึงว่าต้องเปลี่ยนที่พักบ่อยๆซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยาก อย่างไรก็ตามมีข่าวดีคือไม่ต้องทำอย่างนั้นก็ได้ในเวลาที่เดินทางในโทโฮคุ เพราะว่าระบบรถไฟของ JR East นั้นมีความครอบคลุมในพื้นที่สูง ดังนั้นนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางระหว่างจังหวัดได้อย่างง่ายดาย

สำหรับแผนการท่องเที่ยวที่ฉันเสนอข้างต้นนั้นต้องการเพียงแค่ 3 โรงแรม ที่พักแรกนั้นเป็นโรงแรมที่มีชื่อคุ้นเคยสำหรับนักท่องเที่ยวที่มายังโทโฮคุบ่อยๆ และเป็นโรงแรมที่เป็นที่นิยมมากเพราะตำแหน่งที่ตั้งที่สะดวกสบายที่สุดและเพราะความคุ้มค่าราคา

 

โรงแรม Hotel Metropolitan Sendai


โรงแรม Hotel Metropolitan Sendai | ©Hotel Metropolitan Sendai

สถานี JR Sendai เป็นชุมทางรถไฟหลักของจังหวัดมิยางิและเป็นจุดศูนย์กลางสำหรับการท่องเที่ยวด้วยรถไฟไปในโทโฮคุ โทโฮคุชินคันเซนและอาคิตะชินคันเซนจอดที่สถานนี้และนักท่องเที่ยวในเขตนี้เกือบทุกคนต้องเดินทางผ่านสถานีนี้ในบางจุดของการเดินทาง ที่พักแรกของฉันนั้นฉันอยากจะพักที่ใกล้สถานีนี้ซึ่งทำให้ฉันสะดวกในการไปอ่าวมัทสึชิมะและฮิไรซุมิ และไม่มีโรงแรมอื่นใดเลยที่ใกล้เคียงกับความคิดของฉันมากไปกว่าโรงแรม Hotel Metropolitan Sendai อีกแล้ว

โรงแรมตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันคอยต้อนรับการมาพักของฉัน ห้องพักที่สะอาดและกว้าง ร้านอาหารดูดีมีสไตล์และตั้งอยู่ใจกลางเมืองเซนไดด้วย สิ่งสำคัญของการพักโรงแรมที่สถานีรถไฟคือฉันสามารถเที่ยวอ่าวมัทสึชิมะและฮิไรซุมิโดยไม่ต้องเปลี่ยนโรงแรม จะสะดวกสบายอะไรขนาดนั้น!

โรงแรม Hotel Metropolitan Sendai (ホテルメトロポリタン仙台)
ที่อยู่: 1-1-1 Chuo, Aoba Ward, Sendai City, Miyagi 980-8477
สถานีที่ใกล้ที่สุด: สถานี JR Sendai

 

โรงแรม Hotel Metropolitan Morioka New Wing


โรงแรม Hotel Metropolitan Morioka New Wing | ©Hotel Metropolitan Morioka New Wing

สำหรับการเดินทางขึ้นไปทางเหนือสุดของโทโฮคุนั้น เช่น จังหวัดอิวาเทะและจังหวัดอาโอโมริ มันจะเป็นการสะดวกมากถ้าพักที่ไหนสักแห่งในเขตนี้ สำหรับที่พักคืนแห่งที่สองนั้นฉันคาดหวังว่าจะพักที่โมริโอกะเมืองหลวงของจังหวัดอิวาเทะ และตัวเลือกที่โดดเด่นก็คือ โรงแรม Hotel Metropolitan Morioka New Wing

โรงแรมตั้งอยู่เพียงเดิน 4 นาทีจากสถานี JR Morioka ซึ่งเป็นอีกสถานีรถไฟหลักในโทโฮคุ มีสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการครบครันอย่างที่ฉันต้องการ และเป็นจุดที่เหมาะสมมากต่อทริปไปทะเลสาบโทวะดะและลำธารโออิระเสะ แต่สำหรับผู้ที่ต้องการตำแหน่งที่ตั้งที่ดีที่สุดและเดินทางสะดวกก็ต้องเป็นโรงแรม Hotel Metropolitan Morioka ซึ่งตั้งอยู่ที่สถานี JR Morioka

โรงแรม Hotel Metropolitan Morioka (ホテルメトロポリタン盛岡)
ที่อยู่: 1-44, Morioka Ekimae-dori, Morioka, Iwate 020-0034
สถานีที่ใกล้ที่สุด: สถานี JR Morioka

 

เรียวกัง Hayamakan


เรียวกัง Hayamakan ในจังหวัดยามะกะตะ | ©葉山舘

ที่พักแห่งที่สามและแห่งสุดท้ายนั้นเพื่อการพักผ่อนและผ่อนคลาย ไม่เหมือนกับโรงแรมก่อนหน้าที่เน้นความสะดวกสบายในการเดินทาง เนื่องจากที่พักนี้สำหรับช่วงสุดท้ายของทริป ดังนั้นฉันจึงเลือกที่ใกล้กับศูนย์กลางของยามะกะตะเพื่อที่ฉันจะได้ไปยามะเดระและคามิโนะยามะออนเซ็นได้ง่ายๆ และเหนือสิ่งอื่นใดฉันต้องการสร้างความทรงจำที่ดีกับประสบการณ์พักเรียวกังออนเซ็น ดังนั้นเรียวกัง Hayamakan ในคามิโนะยามะจึงเป็นทางเลือกที่ผุดขึ้นมาทันที

คามิโนะยามะออนเซ็นมีเรียวกังหลายแห่ง แล้วทำไมฉํนเลือก Hayamakan ละ? อย่างแรก เรียวกังมีแพลนสำหรับลูกค้าคนเดียวและฉันมักจะเที่ยวตัวคนเดียวเสมอๆ ดังนั้นข้อนี้ได้คะแนนเพิ่ม และที่นี่มีห้องพักพร้อมออนเซ็นส่วนตัว เป็นอีกข้อที่ได้คะแนนจากฉันเพิ่มขึ้นมาก เพราะฉันต้องการความเป็นส่วนตัว ตำแหน่งที่ตั้งก็เพียงขับรถ 5 นาทีจากสถานี JR Kaminoyamaonsen ทางโรงแรมก็มีบริการชัตเติ้ลบัสฟรีสำหรับลูกค้าด้วย (เรียกได้ว่าสะดวกสบาย) และยังมีอาหารชุดไคเซกิให้บริการอีกด้วย (เป็นสิ่งที่ดีเสมอ)

โดยสรุป เรียวกัง Hayamakan เป็นเรียวกังที่หรูหราแต่สะดวกสบายที่ซึ่งฉันสามารถตามใจตัวเองได้อย่างง่ายๆหลังจากการเดินทางด้วยรถไฟระยะทางไกลทั่วโทโฮคุ เป็นที่ซึ่งในที่สุดแล้วฉันสามารถพักผ่อน ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับการต้อนรับขับสู้ของเรียวกังและแช่น้ำออนเซ็นของคามิโนะยามะ

เรียวกัง Hayamakan (葉山舘)
ที่อยู่: 5-10 Hayama, Kaminoyama, Yamagata 999-3242
สถานีที่ใกล้ที่สุด: สถานี JR Kaminoyamaonsen

 

สรุปแผนการเดินทาง


แผนที่การท่องเที่ยวของฉัน | ©JR East

ทริปรถไฟทั่วโทโฮคุในอุดมคติของฉันเป็นทริปที่ครอบคลุมเกือบหมดทุกอย่าง และตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) ทำให้ฉันไปได้ทั้งหมดตามที่กล่าวมาข้างต้นและเหนือสิ่งอื่นใดตั๋วนี้ทำให้ฉันเพลิดเพลินไปกับการเดินทางด้วยรถไฟ เนื่องจากสามารถนั่งรถไฟ JR ได้ไม่จำกัดติดต่อกัน 5 วันในเขตโทโฮคุทำให้ฉันสามารถเดินทางไปในสถานที่ที่เสียค่าเดินทางแพงมากถ้าฉันจ่ายค่าโดยสารปกติแทน

ลองมาดูกันว่าฉันสามารถประหยัดไปได้เท่าไหร่ด้วยตั๋วพาสนี้ตามแผนการเดินทางข้างต้น

 


ตั๋ว  JR EAST PASS (Tohoku area) แบบใหม่และสถานที่ที่คุณสามารถใช้ได้ | ©JR East

ตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) เป็นตั๋ว Pass ราคาย่อมเยาที่ให้คุณนั่งรถไฟบนทางรถไฟของ JR East ได้แบบไม่จำกัดเที่ยว รวมถึงรถไฟชินกันเซ็นและ Joyful Train ในพื้นที่ที่ตั๋วครอบคลุมตลอดระยะเวลา 5 วันติดกัน ด้วยความที่ตั๋วนี้มีราคาเพียง 30,000 เยนและใช้ได้ไม่จำกัดตลอดเวลา 5 ติดกัน มันจึงเป็นตั๋วคู่ใจชั้นเยี่ยมสำหรับการเดินทางด้วยรถไฟของคุณ ผู้ถือตั๋ว Pass นี้ยังสามารถสำรองที่นั่งออนไลน์ล่วงหน้าได้นานถึง 1 เดือนได้ฟรีผ่านทาง JR-EAST Train Reservation

ตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) ยังสามารถใช้กับประตูอัตโนมัติได้ และผู้ถือพาสปอร์ตต่างชาติที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นก็สามารถใช้ตั๋วนี้ได้ด้วย

JR-EAST Train Reservation | ©เครดิตภาพ: JR East

เครดิตภาพส่วนหัว : photoAC, 岩手県観光協会, 東北観光推進機構, photoAC