ด้วยทะเลญี่ปุ่นสีฟ้าสวยงามและภูเขาสูงใหญ่ของเทือกเขาทาเตยามะ จังหวัดโทยามะ (富山県 Toyama-ken) ในภูมิภาคโฮคุริคุถือเป็นแหล่งขุมทรัพย์ที่เต็มไปด้วยอาหารทะเลชั้นหรู ธรรมชาติที่ชวนหลงใหล และขนบธรรมเนียมที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง นับตั้งแต่ที่ทางรถไฟ Hokuriku Shinkansen ขยายมาถึงที่นี่ในปี 2015 การเดินทางจากโตเกียวมาโทยามะจึงใช้เวลาน้อยลงจนเหลือเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้ผู้คนสามารถเดินทางจากเมืองหลวงมาเที่ยวที่นี่ได้อย่างสะดวกสบาย
คุณอาจจะรู้จักโทยามะจากไฮไลท์ท่องเที่ยวชื่อดังที่สุดของจังหวัด เส้นทางแอลป์ ทาเตยามะ-คุโรเบะ (立山黒部アルペンルート, Tateyama Kurobe Alpine Route) แต่นอกจากเส้นทางท่ามกลางภูเขาสุดอลังการนี้แล้ว จังหวัดโทยามะยังมีขุมทรัพย์อีกมากมายที่รอให้คุณไปค้นพบอยู่ โดยเฉพาะบริเวณอ่าวโทยามะ
คุณรู้ไหม? ว่าโทยามะมีปลาสำลีญี่ปุ่น (Yellowtail) ที่อร่อยที่สุดในประเทศ (รวมถึงเป็นจังหวัดที่มีการบริโภคปลาสำลีญี่ปุ่นมากที่สุดในประเทศอีกด้วย) และคุณรู้ไหม? ว่าอ่าวโทยามะเป็นอ่าวที่เกิดปรากฏการณ์ภาพลวงตาบ่อยที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย ในตอนแรกของบทความ 2 ตอนพิเศษเกี่ยวกับจังหวัดโทยามะนี้ เรามาสำรวจบรรดาขุมทรัพย์และของอร่อยที่น่านน้ำแห่งอ่าวโทยามะมีไว้ให้เรากัน!
อ่าวที่มีของอร่อยตลอดปี
อ่าวโทยามะ (富山湾 Toyama-wan) ตั้งอยู่ตามแนวชายฝั่งทะเลญี่ปุ่นและมีแถบน้ำลึกและแนวไหล่ทวีปที่แคบ ซึ่งทำเลแบบนี้ทำให้อ่าวโทยามะเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยชั้นเยี่ยมสำหรับปลาและเป็นแหล่งที่มีอาหารทะเลอร่อยๆ อยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ ส่วนที่ลึกที่สุดของอ่าวมีความลึกต่ำกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 1,000 เมตร ซึ่งเอื้อให้อ่าวมีสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ให้สัตว์ทะเลหลากชนิดสามารถเติบโตได้

ที่อ่าวโทยามะ กระแสน้ำสึชิมะที่อุ่นมาบรรจบกับกระแสน้ำลึกที่เย็นจนเกิดเป็นสภาพแวดล้อมที่มีแพลงก์ตอนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งแพลงก์ตอนนี้เป็นแหล่งอาหารหลักของปลาส่วนมาก นอกจากนี้ น้ำที่อุดมไปด้วยสารอาหารจากแนวเขาทาเตยามะซึ่งสูง 3,000 เมตรก็ยังไหลลงมาที่อ่าวอีกด้วย ทำให้เกิดการหมุนเวียนของทรัพยากรน้ำที่ช่วยเสริมให้สภาพแวดล้อมแห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งหมดนี้ทำให้อ่าวโทยามะจัดเป็นอ่าวที่มีทำเลสุดพิเศษและมีปัจจัยสำคัญต่างๆ ที่ล้วนเหมาะสำหรับการหล่อเลี้ยงแหล่งอาหารทะเลเลิศรสของอ่าว

ด้วยแนวไหล่ทวีปใต้ทะเลที่แคบ แหล่งจับปลาของอ่าวโทยามะจึงล้วนอยู่ใกล้ท่าเรือและเมืองต่างๆ ดังนั้นปลาที่เสิร์ฟถึงมือผู้บริโภคจึงยังมีความสดอยู่มาก จุดนี้เองที่ทำให้อ่าวโทยามะมีชื่อเล่นว่า “ตู้ปลาธรรมชาติ” (天然の生け簀 ten’nen no ikesu) เพราะปลาที่คุณหารับประทานได้ในโทยามะนั้นมีทั้งความหลากหลายและความสดใหม่ราวกับเพิ่งจับขึ้นมาจากตู้ปลาในร้าน! ปลาของจังหวัดโทยามะมีความสดมากจนคนท้องถิ่นมีคำศัพท์เฉพาะในสำเนียงท้องถิ่นเพื่อบรรยายถึงความสดของปลาโดยเฉพาะ นั่นคือ คิโตะคิโตะ (きときと kitokito) ที่แปลว่า “สดราวกับเพิ่งจับมาใหม่ๆ ”
เรามาดูสี่อาหารทะเลสุดอร่อยที่ขึ้นชื่อของจังหวัดโทยามะกัน ซึ่งอาหารทะเลแต่ละชนิดต่างมี “ฉายา” และฤดูกาลเฉพาะที่พวกมันจะมีความอร่อยที่สุดในแต่ละปีอยู่
ฤดูใบไม้ผลิ: ปลาหมึกหิ่งห้อย ปริศนาแห่งอ่าวโทยามะ

พูดถึงจังหวัดโทยามะก็ต้องนึกถึงโฮตารุอิกะ (ホタルイカ ปลาหมึกหิ่งห้อย) ที่เป็นที่รู้จักในนาม “ปริศนาแห่งอ่าวโทยามะ” (富山湾の神秘 Toyama-wan no shinpi) และเป็นหนึ่งอาหารทะเลโปรดของฉันด้วย ปลาหมึกขนาดเล็กเหล่านี้ได้ชื่อมาจากการที่พวกมันสามารถเรืองแสงได้ ทำให้พวกมันดูเหมือนหิ่งห้อยที่ส่องให้ทะเลสว่างขึ้นด้วยแสงสีฟ้าที่แลดูลึกลับของพวกมัน
ถ้าคุณไปเยือนเมืองนาเมริคาวะ (滑川市 Namerikawa-shi) ในช่วงเดือนมีนาคมจนถึงพฤษภาคมซึ่งเป็นช่วงที่โฮตารุอิกะขึ้นมาที่ผิวทะเลเพื่อวางไข่ล่ะก็ คุณสามารถขึ้นเรือทัวร์ในช่วงเช้าตรู่เพื่อออกไปดูโฮตารุอิกะเรืองแสงอยู่ในทะเลได้อย่างใกล้ชิด

แต่นอกจากชมโฮตารุอิกะแล้ว คุณต้องห้ามพลาดโอกาสที่จะชิมพวกมันด้วย! ซึ่งโฮตารุอิกะที่เป็นของอร่อยประจำฤดูใบไม้ผลินี้มีหลายเมนูให้เราชิมได้ แต่คนญี่ปุ่นหลายคนจะแนะนำว่าโอกิสึเกะ (沖漬け) คือเมนูที่อร่อยที่สุด
“โอกิ” หมายถึง “ทะเลเปิด” และ “สึเกะ” หมายถึง “การดอง” โดยชื่อเมนูนี้มีที่มาจากการปรุงที่ไม่เหมือนใคร หลังจากที่ถูกจับขึ้นมาจากทะเล โฮตารุอิกะจะถูกนำมาหมักทิ้งไว้บนเรือตกปลาโดยใช้ส่วนผสมของสาเก (酒 สุราหมักจากข้าว) และโชยุ (醤油 ซอสถั่วเหลือง) ขั้นตอนนี้จะช่วยให้เนื้อหมึกมีรสชาติสดใหม่อย่างไม่น่าเชื่อ โฮตารุอิกะ โอกิสึเกะเป็นกับแกล้มที่จับคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้อย่างดีเยี่ยม และเป็นเมนูหลักในร้านอิซากายะ (居酒屋 บาร์สไตล์ญี่ปุ่น) หลายแห่ง อร่อยสุดๆ ไปเลยล่ะ!
ฤดูร้อน: กุ้งขาว อัญมณีแห่งอ่าวโทยามะ

เมื่อฤดูร้อนเวียนมาถึง ของอร่อยที่ต้องชิมในโทยามะก็คือชิโรเอบิ (白エビ กุ้งขาว) กุ้งขนาดเล็กเหล่านี้มีเนื้อสีชมพูอ่อนที่สวยงามและโปร่งแสง ทำให้พวกมันมีฉายาว่า “อัญมณีแห่งอ่าวโทยามะ” (富山湾の宝石 Toyama-wan no hо̄seki) ชิโรเอบิ ถือเป็นกุ้งหายากที่จับเป็นจำนวนมากได้เฉพาะที่อ่าวโทยามะที่เดียวในโลกเท่านั้น ทำให้พวกมันเป็นอาหารทะเลที่มีความต้องการสูงมากๆ
จุดที่ทำให้ชิโรเอบิต่างจากกุ้งอื่นๆ ก็คือเนื้อของพวกมันไม่เปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อเจอกับความร้อน เนื้อที่หวานมากเป็นพิเศษของพวกมันยังสามารถนำมาทำเป็นซาชิมิรสเลิศได้อีกด้วย แต่นอกจากนี้เนื้อกุ้งชิโรเอบิแบบแห้งๆ ในเซมเบ้ หรือแบบชุบแป้งทอดเป็นคาคิอาเกะก็ยังอร่อยไม่แพ้กัน อีกเมนูยอดนิยมสำหรับอร่อยกับกุ้งเนื้อหวานเหล่านี้ก็คือเบอร์เกอร์ชิโรเอบิที่มีเนื้อชิโรเอบิชุบแป้งทอดเป็นส่วนประกอบ
ฤดูใบไม้ร่วง: ปูหิมะแดง อาทิตย์อุทัยแห่งอ่าวโทยามะ

ฤดูใบไม้ร่วงคือฤดูกาลที่ถ้าพูดถึงแล้วก็ต้องนึกถึงสีแดง และนอกจากสีแดงของใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว อีกของสีแดงหนึ่งที่คุณสามารถเพลิดเพลินด้วยได้ก็คือปูหิมะแดงเบนิสุไวกานิ (紅ズワイガニ) ซึ่ง เบนิสุไวกานิที่มีฉายาว่า “อาทิตย์อุทัยแห่งอ่าวโทยามะ” (富山湾の朝陽 Toyama-wan no asahi) นี้ได้ฉายามาจากสีแดงสวยงามของพวกมันเมื่อถูกปรุงจนสุกแล้ว โดยว่ากันว่าเป็นสีแดงที่คล้ายสีแดงของดวงอาทิตย์ขึ้นที่อ่าวโทยามะ แต่นอกจากสีแดงสดสะดุดตาแล้ว ปูนี้ยังได้รับความนิยมจากเนื้อที่ฉ่ำน้ำและหวานของมัน

เบนิสุไวกานิมักอาศัยอยู่ที่ทะเลลึก ณ ความลึก 800 เมตรเป็นต้นไป และใช้เวลา 8–10 ปีกว่าจะโตเต็มที่ ทำให้พวกมันมีรสชาติดีและมีความหวานเป็นพิเศษ คุณอาจจะมีภาพจำว่าปูเป็นของอร่อยประจำฤดูหนาว แต่ฤดูกาลของเบนิสุไวกานิจะมาถึงเร็วกว่าฤดูกาลของปูชนิดอื่นๆ เช่น ปูเอจิเซน (越前ガニ Echizen-gani) และปูหิมะ (ズワイガニ zuwaigani) อยู่ไม่กี่เดือน แม้ว่าเราจะสามารถจับเบนิสุไวกานิได้ในช่วงระหว่างเดือนกันยายนจนถึงเดือนพฤษภาคม แต่เบนิสุไวกานิถือเป็นอาหารพิเศษประจำฤดูใบไม้ร่วง และปัจจุบันกำลังถูกโปรโมทในฐานะตัวแทนอาหารทะเลในฤดูใบไม้ร่วงของจังหวัดโทยามะ
ปูที่จับได้ในอ่าวโทยามะจะมีความสดเป็นพิเศษเนื่องจากระยะทางที่สั้นระหว่างแหล่งจับปลาในน่านน้ำลึกและท่าเรือ ดังนั้นคุณสามารถอร่อยไปกับหลากหลายเมนูปูที่สดและอร่อยได้ระหว่างการมาเที่ยวที่จังหวัดโทยามะ
ฤดูหนาว: ปลาสำลีญี่ปุ่นในฤดูหนาว ราชาแห่งอ่าวโทยามะ

ท้ายที่สุดนี้ ในช่วงฤดูหนาวที่กินเวลาระหว่างพฤศจิกายนจนถึงกุมภาพันธ์ คุณสามารถอร่อยกับ “ราชาแห่งอ่าวโทยามะ” (富山湾の王者 Toyama-wan no о̄ja) หรือคันบุริ (寒ブリ ปลาสำลีญี่ปุ่นในฤดูหนาว) ที่เลื่องชื่อที่สุดในบรรดาปลาทั้งหมดแห่งอ่าวโทยามะ แม้ว่าปลาสำลีญี่ปุ่นจะมีให้รับประทานกันได้ตลอดปี แต่ปลาสำลีญี่ปุ่นที่จับได้ในฤดูหนาวจะมีอย่างหนึ่งที่ทำให้พวกมันอร่อยเป็นพิเศษ นั่นคือไขมันที่อัดแน่นไปด้วยรสชาติและนุ่มจนละลายในปากนั่นเอง

เพื่อที่จะเข้าใจว่าทำไมปลาสำลีญี่ปุ่นในฤดูหนาวจึงมีความพิเศษขนาดนั้น เรามาดูวงจรชีวิตและพฤติกรรมการวางไข่ของพวกมันกัน ปลาสำลีญี่ปุ่นเกิดในภูมิภาคคิวชูทางตอนใต้ของญี่ปุ่นในฤดูใบไม้ผลิ และขณะที่พวกมันเติบโต พวกมันจะอาศัยกระแสน้ำสึชิมะในการเดินทางมายังฮอกไกโดในฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงเพื่อหาอาหาร
ในช่วงฤดูหนาว ปลาสำลีญี่ปุ่นจะว่ายน้ำจากฮอกไกโดกลับไปที่คิวชูเพื่อวางไข่ และเพื่อการเดินทางอันยาวไกลนี้ พวกมันจะสร้างชั้นไขมันหนาเพื่อเก็บสะสมพลังงาน แต่ระหว่างทางไปคิวชูนั้น ปลาสำลีญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งเกิดติดอยู่ที่แหลมโนโตะและมาลงเอยที่อ่าวโทยามะ ซึ่งเป็นที่ที่พวกมันจะถูกจับนั่นเอง

ปลาสำลีญี่ปุ่นที่มาลงเอยที่อ่าวโทยามะจะมีปริมาณไขมันอยู่มาก ทำให้เนื้อของพวกมันนุ่มมากจนละลายในปากและมีรสชาติที่โดดเด่นเป็นพิเศษ โดยส่วนตัวแล้วฉันชอบการรับประทานคันบุริเป็นซาชิมิเพื่อที่จะได้ชิมรสชาติและเพลิดเพลินกับรสสัมผัสได้อย่างเต็มที่ แต่อีกเมนูที่นิยมกันก็คือบุริชาบู (ブリしゃぶ) ที่คุณจะได้จุ่มชิ้นเนื้อปลาลงไปในน้ำร้อนให้สุกพอประมาณ บอกไว้ก่อนว่าปลาสำลีญี่ปุ่นที่เดินทางผ่านแหลมโนโตะไปได้จะเสียชั้นไขมันของพวกมันไปเมื่อไปถึงคิวชู ดังนั้นถ้าจะรับประทานปลาสำลีที่อร่อย ก็ต้องปลาที่มีไขมันสุดอร่อยแบบนี้เลย!
แหล่งที่แนะนำเป็นพิเศษคือเมืองฮิมิ (氷見市 Himi-shi) ที่เป็นแหล่งผลิตปลาสำลีญี่ปุ่นในฤดูหนาวที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งปลาสำลีญี่ปุ่นจะต้องผ่านเกณฑ์การคัดสรรในด้านน้ำหนักและปริมาณไขมันก่อนเพื่อที่จะได้ฉลากรับรองของแบรนด์ฮิมิคันบุริ (氷見寒ブリ)

คันบุริ ถือเป็นหนึ่งในสัตว์ทะเลประจำจังหวัดโทยามะ ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงโฮตารุอิกะและชิโรเอบิด้วย ทั้งนี้ในประเทศญี่ปุ่นนั้นไม่ใช่ว่าทุกจังหวัดจะมีสัตว์ทะเลประจำจังหวัด หรือถ้ามีก็จะมีเพียงชนิดเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตามจังหวัดโทยามะไม่ได้มีแค่หนึ่ง ไม่ได้มีแค่สองด้วย แต่มีสัตว์ทะเลประจำจังหวัดมากถึงสาม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมการประมงนั้นสำคัญขนาดไหน รวมถึงยังสื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ของน่านน้ำอ่าวโทยามะอีกด้วย
อิ่มอร่อยไปกับอาหารทะเลที่ดีที่สุดประจำฤดู
นอกจากสัตว์ทะเลทั้งสี่ชนิดที่ฉันได้กล่าวถึงไปข้างต้น ยังมีปลาและสัตว์ทะเลอีกมากมายที่สามารถจับได้ในน่านน้ำของอ่าวโทยามะ กล่าวกันว่าในบรรดาสัตว์ทะเลทั้ง 800 ชนิดที่อาศัยอยู่ในทะเลญี่ปุ่นนั้น คุณสามารถพบสัตว์ทะเลได้มากถึง 500 ชนิดในอ่าวโทยามะ และในจำนวนนี้ก็มีสัตว์ทะเล 200 ชนิดที่ถูกจับมาเพื่อการบริโภค!

ถ้าคุณอยากจะให้รางวัลตัวเองสักหน่อยล่ะก็ ลองมาชิมซูชิอ่าวโทยามะ (富山湾鮨 Toyama-wan sushi) เมนูสุดอร่อยและอลังการกันได้เลย เมนูนี้เป็นเซ็ตซูชิ 10 ชิ้นแบบพรีเมี่ยมที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นจากสัตว์ทะเลที่มีคุณภาพเยี่ยมที่สุดเท่าที่จับได้ในฤดูกาลนั้นๆ และมีรสชาติพร้อมความสดที่หาชิมได้เฉพาะที่โทยามะเท่านั้น อีกจุดเด่นหนึ่งของซูชิอ่าวโทยามะคือการใช้ข้าวของจังหวัดโทยามะที่มีรสชาติอร่อย โดยข้าวที่นี่เติบโตได้ดีด้วยน้ำสะอาดบริสุทธิ์ที่ละลายลงมาจากภูเขาสูง 3,000 ของจังหวัดโทยามะ คุณสามารถชิมเซ็ตซูชิเหล่านี้ได้ตลอดทั้งปีในราคา 2,500–3,850 เยน และสามารถหาชิมได้ตามร้านเหล่านี้ในจังหวัดโทยามะ

รู้ไหมเอ่ย? จังหวัดโทยามะเป็นจังหวัดที่มีจำนวนร้านซูชิต่อเมืองมากที่สุดในญี่ปุ่น ดังนั้นการจะหาซูชิสดใหม่จึงไม่ใช่เรื่องยากเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยความที่แหล่งจับปลานั้นอยู่ใกล้กับร้านแล้วด้วย แต่ถ้าคุณไม่อยากผลาญงบไปกับเซ็ตซูชิอ่าวโทยามะล่ะก็ ร้านอาหารหลายแห่งก็มีเมนูซูชิในราคาเอื้อมถึงให้เลือกชิมได้ โดยเมนูเหล่านี้จะมีด่าวเด่นเป็นวัตถุดิบจากสัตว์ทะเลที่ดีที่สุดที่จับได้ในวันนั้น ซึ่งนี้ก็เป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่งในการชิมความอร่อยประจำฤดูกาล อย่างหนึ่งที่แน่นอนก็คือคุณไม่สามารถมาเที่ยวโทยามะโดยไม่ชิมอาหารทะเลสุดอร่อยเหล่านี้ได้!
มาสุซูชิ
แม้จะไม่ใช่เมนูที่ส่งตรงจากทะเล แต่อีกเมนูปลาที่ต้องลองในโทยามะและได้รับความนิยมในฐานะเอกิเบ็น (駅弁 ข้าวกล่องสำหรับรับประทานบนรถไฟ) ก็คือมาสุซูชิ (ます寿し) ซึ่งเป็นปลาเทราต์หมักเกลือโปะลงบนข้าวหมักน้ำส้มสายชูห่อด้วยใบไผ่

เมนูนี้มักมาในรูปแบบของกล่องไม้ไผ่ที่มีรูปร่างกลมเหมือนเค้ก เป็นอาหารที่ดูน่าทานและน่าสนุกมากเลยคุณว่าไหม? นอกจากนี้มาสุซูชิยังมีชื่อเสียงในฐานะของฝากของจังหวัดโทยามะ และสามารถหาซื้อได้ตามสถานีรถไฟ ซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้านขายมาสุซูชิโดยเฉพาะที่หาได้รอบๆ เมือง
มาสุซูชิเดิมเป็นเมนูที่ใช้ซากุระมาสุ (サクラマス ปลาแซลมอนเชอร์รี่ที่เป็นปลาเทราต์ทะเลชนิดหนึ่ง) ที่จับได้จากแม่น้ำจินซู (神通川 Jinzū-gawa) แต่จำนวนประชากรปลาลดลงทำให้การจับปลาชนิดนี้ยากขึ้น ทุกวันนี้เมนูนี้จึงจะใช้ปลาซากุระมาสุที่เพาะเลี้ยงไว้แทน ในขณะที่ก็มีการพยายามเพิ่มจำนวนประชากรปลาตามธรรมชาติอยู่ด้วย

ในการทำมาสุซูชิ ชิ้นปลาซากุระมาสุที่ผ่านการถนอมอาหารด้วยการหมักเกลือมาแล้วจะถูกนำมาวางไว้บนแผ่นข้าวที่หมักน้ำส้มสายชูไว้แล้ว ก่อนจะห่ออย่างแน่นหนาด้วยใบไผ่เพื่อลดการออกซิไดซ์ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ น้ำส้มสายชูและใบไผ่จะช่วยถนอมข้าวและปลาทำให้เมนูนี้สามารถถูกเก็บไว้ได้เป็นเวลานานขึ้น จุดนี้เองที่ทำให้มาสุซูชิเป็นเมนูที่ได้รับความนิยมมากในช่วงยุคเอโดะ (1603–1898) ซึ่งนักเดินทางต้องเดินเท้าเป็นระยะเวลานานจากจังหวัดโทยามะไปกรุงโตเกียว แม้ว่า Hokuriku Shinkansen จะทำให้เราสามารถเดินทางระหว่างจังหวัดโทยามะและกรุงโตเกียวได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงแทนที่จะใช้เวลาเป็นวันๆ เหมือนในอดีต แต่เราก็ยังสามารถอร่อยกับมาสุซูชิระหว่างทางได้อย่างที่คนสมัยก่อนเคยทำเช่นกัน!
คุโรสุกุริ

ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบความท้าทายเล็กๆ น้อยๆ คุณอาจจะอยากลองคุโรสุกุริ (黒作り) ของอร่อยท้องถิ่นที่ไม่ธรรมดาดูสักหน่อย สุรุเมะอิกะ (スルメイカ ปลาหมึกบินญี่ปุ่น) ที่ถูกจับได้จากอ่าวโทยามะจะถูกนำมาหั่นเป็นชิ้นบางๆ ผสมกับน้ำหมึกปลาหมึกและเครื่องในปลาหมึกก่อนจะนำไปหมัก น้ำหมึกของปลาหมึกจะช่วลดกลิ่น “คาวปลา” ลง ดังนั้นเมนูนี้จึงมีกลิ่นไม่พึงประสงค์น้อยกว่าชิโอคาระแบบทั่วไป คุโรสุกุริถือเป็นเครื่องเคียงชั้นดีสำหรับจับคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และยังเป็นเครื่องท็อปปิ้งข้าวที่อร่อยอีกด้วย
ครั้งแรกที่ฉันลองคุโรสุกุริฉันก็ติดใจในทันทีและตั้งหน้าตั้งตารอโอกาสที่จะได้ชิมมันอีกครั้งเมื่อไปเยี่ยมจังหวัดโทยามะ! คุณสามารถซื้อแพ็คหรือขวดคุโรสุกุริได้จากซุปเปอร์มาร์เก็ตท้องถิ่นในจังหวัดโทยามะเพื่อกลับมาอร่อยที่บ้านได้ และด้วยความที่เมนูนี้เป็นอาหารที่ผ่านการหมักดองเพื่อถนอมอาหารมาแล้ว คุณจึงสามารถเก็บคุโรสุกุริไว้ได้เป็นระยะเวลาหนึ่งเลย
ภาพลวงตาลึกลับชวนฉงน

นอกจากปลาแล้ว อีกไฮไลท์พิเศษหนึ่งที่คุณสามารถชมได้ที่อ่าวโทยามะโดยเฉพาะรอบๆ เมืองอุโอสุ (魚津 Uozu) ที่อยู่ทางตะวันออกก็คือปรากฏการณ์ภาพลวงตา (蜃気楼 shinkirо̄) ลึกลับนั่นเอง ภาพลวงตาเป็นปรากฏการณ์ที่หลอกการมองเห็นของเรา ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อชั้นอากาศต่างๆ มีความหนาแน่นที่ต่างกัน ทำให้แสงในชั้นบรรยากาศถูกหักเหจนภาพวิวที่อยู่ไกลออกไปนั้นดูกลับหัวบน-ล่างหรือไม่ก็ถูกยืดออก

การจะเห็นภาพลวงตาได้นั้นจะต้องมีปัจจัยด้านอุณหภูมิและทิศทางลมที่เหมาะถึงจะเห็นได้ แต่การเกิดภาพลวงตาที่อุโอสุนั้นมีบ่อยมากเป็นพิเศษ ทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากพากันมาที่นี่เพื่อลุ้นโอกาสที่จะได้ชมปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดานี้ น่านน้ำอ่าวโทยามะมีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นแหล่งเกิดภาพลวงตา โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิจากเดือนมีนาคมไปจนถึงต้นเดือนมิถุนายน ระหว่างช่วงเวลา 11:00–16:00 ซึ่งเป็นช่วงที่อุณหภูมิในเวลากลางวันเพิ่มขึ้น
ชายฝั่งอามาฮาราชิ

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดก็คือวิวของอ่าวโทยามะชื่อดังวิวหนึ่ง นั่นคือวิวสวยสะกดตาจากชายฝั่งอามาฮาราชิ (雨晴海岸 Amaharashi-kaigan) ที่คุณสามารถเห็นแนวเทือกเขาทาเตยามะที่สูง 3,000 เมตรยืนตระหง่านอยู่ที่อีกฟากของผืนทะเลสีฟ้าเข้มของอ่าวโทยามะ วิวนี้จะสวยเป็นพิเศษในวันฟ้าโปร่งในช่วงฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิ เมื่อยอดเขาสูงที่ปกคลุมด้วยหิมะจะดูเด่นตัดกับท้องฟ้าครามและทะเลสีไพลิน

วิวนี้ไม่ได้มีให้เห็นได้แค่เฉพาะที่ชายหาดเท่านั้น เพราะคุณสามารถเห็นวิวภูเขาสูงเสียดฟ้าได้จากชานชาลาสถานี JR Amaharashi (雨晴駅) ของทางรถไฟสาย JR Himi Line ได้เช่นกัน สถานี JR Amaharashi เป็นสถานีที่ตั้งอยู่ใกล้ทะเลมากๆ และในบางช่วงของทางรถไฟสาย Himi Line ก่อนจะมาถึงสถานีนั้น ทางรถไฟจะเฉียดใกล้ชายฝั่งมากจนคุณรู้สึกราวกับว่าคุณกำลังนั่งรถไฟที่วิ่งไปบนน้ำก็ไม่ปาน! และแน่นอนว่าวิวจากบนรถไฟนั้นสวยสุดยอดไปเลย
แนะนำ: ตอนกำลังเดินทางจากสถานี Takaoka ไปสถานี Amaharashi ขอแนะนำให้นั่งที่ด้านขวาของรถไฟเพื่อให้ได้ที่นั่งชมวิวที่ดีที่สุด!
การเดินทาง
จังหวัดโทยามะเป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยขุมทรัพย์และของอร่อยที่รอให้คุณมาค้นพบด้วยตัวเองโดยเฉพาะ ถ้าคุณมีโอกาสมาเที่ยวโทยามะในครั้งหน้าก็ห้ามพลาดเลย! รอติดตามตอนที่ 2 ของซีรี่ย์บทความนี้เพื่อดูขุมทรัพย์อื่นๆ จากภูเขาและเมืองของโทยามะกันได้เลย
คุณสามารถเดินทางจากสถานี Tо̄kyо̄ (東京駅) ไปสถานี JR Toyama (富山駅) ได้โดย Hokuriku Shinkansen ซึ่งใช้เวลา 2 ชั่วโมง ทำให้ทริปเที่ยวที่นี่เป็นการเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศที่ทั้งเร็วและสะดวกมากทริปหนึ่ง
Hokuriku Arch Pass

ถ้าคุณกำลังจะเดินทางมาเที่ยวจังหวัดโทยามะและภูมิภาคโฮคุริคุ ขอแนะนำ Hokuriku Arch Pass ตั๋ว Pass ราคาประหยัดที่ปลดล็อคการเดินทางโดย Hokuriku Shinkansen รวมถึงทางรถไฟ JR East และ JR West (รวมถึงรถไฟชินกันเซ็น) แบบไม่จำกัดรอบในพื้นที่ที่ตั๋วครอบคลุมเป็นระยะเวลา 7 วันติดกัน
ด้วยราคาเพียง 24,500 เยนเมื่อซื้อที่นอกประเทศญี่ปุ่น ตั๋วนี้จึงมีราคาถูกกว่าค่าเดินทางไปกลับระหว่างโตเกียวและโทยามะ (~26,000 เยน) และมีราคาถูกกว่าตั๋ว Nationwide Japan Rail Pass แบบ 7 วันอีกด้วย นอกจากนี้ ผู้ถือตั๋วนี้ยังได้รับส่วนลดพิเศษในตั๋วโดยสารอื่นๆ และค่าเข้าสถานที่ต่างๆ อีกด้วย สามารถเช็คข้อมูลได้ที่นี่
อัปเดตปี 2024: โปรดดูลิงก์เพื่อดูข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับ Hokuriku Arch Pass
เครดิตรูปภาพส่วนหัวบทความ: とやま観光推進機構 and まちゃー/PIXTA
Translated by ANNGLE
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ขุมทรัพย์แห่งโทยามะ ตอนที่ 2 (coming soon!)
- แพลนเที่ยวโฮคุริคุ 7 วัน: ทริปที่เต็มไปด้วยวิวสวยตรึงใจ ทองคำ และไดโนเสาร์
- ทัศนียภาพแห่งขุนเขาที่เข้าถึงได้ : ฤดูกาลทั้ง 4 แห่งเส้นทางแอลป์ ทาเตยามะ–คุโรเบะ